ปลูกผมถาวรเป็นหนึ่งในการรักษาผมร่วงและแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน โดยส่วนใหญ่แล้วจะนำเอาผมของตัวเองมาใช้ในการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมจะต้องทำภายในสถานพยาบาล และใช้ยาชาเฉพาะที่ในขณะที่ทำการปลูกผม เรามาดูกันว่ามีเทคนิคการปลูกผมแบบไหนบ้าง
วิธีการปลูกผมแบ่งออกเป็น 2 วิธี
การปลูกผมแบบตัดหนังศีรษะ เป็นวิธีปลูกผมที่นำหนังศีรษะบริเวณที่มีผมขึ้นมาเย็บติดกับหนังศีรษะบริเวณที่ไม่มีผม โดยบริเวณท้ายทอยที่ได้ทำการผ่าตัดเอาหนังศีรษะออกมาจะถูกเย็บปิดแผลและกลายเป็นแผลเป็นต่อไป
การปลูกผมแบบไม่ผ่าตัด เป็นวิธีการปลูกผมถาวรที่นำเอากอผมจากบริเวณหนังศีรษะของผู้เข้ารับการปลูกผม ฝังลงบนหนังศีรษะ โดยวิธีนี้จะแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทย่อย ๆ ได้แก่
- การปลูกโดยใช้รากผมในปริมาณที่มาก โดยจะใช้รากผม 4-10 รากต่อหลุมผมในแต่ละหลุม
- การปลูกโดยใช้ปริมาณผมน้อย ใช้รากผมเพียง 1-2 รากต่อหลุมผมในแต่ละหลุม
การปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการปลูกผมแบบถาวร (FUE) เนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลดี อีกทั้งยังไม่ทำให้มีแผลเป็นจากการปลูกผมอีกด้วย
แต่ในปัจจุบันการปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือการปลูกผมแบบการปลูกผมแบบไม่ผ่าตัดเนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลดี อีกทั้งยังไม่ทำให้มีแผลเป็นจากการปลูกผมอีกด้วย
ทำไมต้องปลูกผม ?
การปลูกผมมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพเพราะสามารถรักษาผมร่วง-ผมบางได้ และถือเป็นการศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง โดยผู้ที่เข้ารับการปลูกผมควรเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้
- ผู้ชายที่มีภาวะศีรษะล้านแบบผู้ชาย
- ผู้หญิงที่มีลักษณะผมที่บาง
- ผู้ที่สูญเสียเส้นผมบางส่วนจากการไฟไหม้ หรืออาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะ
ปัจจุบันนี้มีเทคนิคการปลูกผมแบบไม่ต้องทานยา ไม่ต้องผ่าตัด นั่นคือเทคนิคการปลูกผมถาวรพร้อมรักษาผมร่วง Ur cell Hair Micro Transplant + ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ Nida Esth’ เท่านั้น